KCE เป็นหุ้นอีก 1 ตัวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เห็นได้จากกำไร Q2/63 ที่ลดลง 55% YoY แต่ราคาหุ้นกลับฟื้นตัวมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือน มี.ค. ที่ผ่านมา โดยนักวิเคราะห์หลายสำนักมองว่าผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวแรงครึ่งปีหลัง รับอุตสาหกรรมยานยนต์กลับสู่ภาวะปกติ แต่ราคาหุ้น KCE จะไปได้ไกลแค่ไหน?...ต้องติดตาม!
***ราคาปิดลบน้อยกว่ากลุ่ม
ราคาหุ้น บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE วันทำการก่อนหน้า (14 ส.ค.63) ร่วงไปทำจุดต่ำสุดของวันที่ราคา 28.75 บาท ก่อนปิดซื้อขายด้วยราคา 29.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ -1.67% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 78.89% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น KCE ที่ลดลง ถือว่ายังร่วงน้อยเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มเดียวกัน อย่าง บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA ที่ปิดซื้อขายด้วยราคา 38.75 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ -2.52% และ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ที่ปิดซื้อขายด้วยราคา 103 บาท ลดลง 5.00 บาท หรือ 4.63%
นอกจากนี้ ราคาหุ้น KCE ยังฟื้นตัวมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งลงไปทำจุดต่ำสุดของปีที่ราคา 11.90 บาท ก่อนกลับมาเคลื่อนไหวที่ระดับ 29-30 บาท ณ ปัจจุบัน
*** งบ Q2/63 ดีกว่าตลาดคาด - ลดต้นทุนเห็นผล
KCE ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อในช่วงไตรมาส 2/63 ทำให้ KCE รายงานงบไตรมาส 2/63 ออกมาแย่กว่าปกติ
โดย บริษัทหลักทรัพย์(บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า แม้ช่วงไตรมาส 2/63 KCE จะรายงานกำไรสุทธิ 71 ล้านบาท ซึ่งลดลง 55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยังดีกว่าที่ตลาดคาดว่าจะมีกำไรสุทธิเพียง 8 ล้านบาท อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการลดต้นทุนที่ทำได้ดีกว่าที่คาดไว้เป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ KCE ได้ลดต้นทุนด้วยการลดค่าทำงานล่วงเวลาพนักงาน (OT), ลดจำนวนพนักงาน, ลดค่าไฟฟ้า และปิดโรงงาน KCE-I ซึ่งทำให้ KCE มีประสิทธิภาพในการทำกำไรสูงขึ้นในช่วงดังกล่าว
ขณะที่ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า ในช่วงไตรมาส 2/63 KCE สามารถลดค่าใช้จ่ายในการบริหารเหลือ 175 ล้านบาท ซึ่งลดลง 38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
*** โบรกฯมองเข้าสู่สภาวะฟื้นตัว
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า จากการพูดคุยกับผู้บริหาร KCE ในงานประชุมนักวิเคราะห์รอบล่าสุด ผู้บริหาร KCE เริ่มเห็นการฟื้นตัวของคำสั่งซื้ออีกครั้ง ภายหลังลูกค้าทยอยกลับมาดำเนินธุรกิจตามปกติ โดยคาดว่ารายได้ในช่วงไตรมาส 3/63 จะเติบโต 15 - 20% จากไตรมาสก่อน และรายได้ไตรมาส 4/63 จะเติบโต 15 - 20% จากไตรมาสก่อนเช่นกัน
KCE ถือว่าฟื้นตัวได้เร็วกว่าคาด เนื่องจากเป็นผู้ผลิตต้นน้ำ จึงได้รับคำสั่งซื้อเป็นลำดับแรกๆ ภายหลังลูกค้ากลับมาดำเนินธุรกิจอีกครั้ง
ขณะที่ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่ทำให้ KCE ฟื้นตัวได้แรงในช่วงไตรมาส 3/63 เนื่องจากยอดขายรถยนต์ในตลาดยุโรป และอเมริกา ฟื้นตัวกลับมาใกล้ระดับปกติแล้ว โดยยอดขายที่ฟื้นตัวหลักๆของ KCE ยังคงเป็นสินค้ากลุ่ม HDI ที่ให้อัตราการทำกำไรสูงกว่าสินค้าปกติราว 3 - 5% และส่วนใหญ่ เป็นการสั่งซื้อสินค้าใหม่ ซึ่งสะท้อนการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง
โดยคาดว่าช่วงไตรมาส 4/63 บริษัทอาจกลับเข้าสู่ภาวะปกติก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งสาเหตุหลัก เกิดจากอุตสาหกรรมยานยนต์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และมียอดคำสั่งซื้อใหม่ของสินค้า Non-auto เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ KCE ยังลงทุนในเครื่องจักรต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะลดจำนวนพนักงานอีกราว 400 คน ในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ภาพระยะกลางถึงยาวยังคงลดจำนวนพนักงานต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและอัตราการทำกำไรให้สูงขึ้น
สอดคล้องกับ บล.เอเชีย เวลท์ ที่ระบุว่า KCE กำลังเข้าสู่สภาวะฟื้นตัว เนื่องจากมีคำสั่งซื้อจากลูกค้าเพิ่มขึ้น ขณะที่ปัจจุบัน KCE เริ่มผลิตสินค้า HDI ได้มีประสิทธิภาพและซับซ้อนมากขึ้น เห็นได้จากเศษซากของวัสดุที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
โดยผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนจะส่งผลให้มีอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น และยังทำให้ KCE มีโอกาสขยายฐานลูกค้าไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้แก่ ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน และ ธุรกิจทางทหาร เป็นต้น
*** ปี 64 มีอะไรให้ลุ้น ?
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า ผู้บริหาร KCE พูดถึงแนวโน้มการดำเนินงานปี 64 ว่าจะมีลูกค้ารายใหม่ในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตมิเตอร์ไฟฟ้าและน้ำ คาดยอดขายจะอยู่ที่ราว 3 - 4% ของยอดขายทั้งหมด และลูกค้าอีกรายอยู่ในสหรัฐฯ ดำเนินธุรกิจสินค้าเกี่ยวข้องกับทหาร ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่และมีจำนวนผู้ผลิตน้อยรายในอุตสาหกรรม โดยขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา
ขณะที่ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเจรจาลูกค้าใหม่ของ KCE ในสหรัฐฯ ไว้อย่างน่าสนใจว่า หากการเจรจาดังกล่าวสำเร็จจริง จะเป็นจุดสร้างการเติบโตรอบใหม่ของ KCE เนื่องจากตลาดดังกล่าวมีขนาดใหญ่ และเป็นตลาดที่เข้าได้ยาก โดยประเมินว่าหากการเจรจาสำเร็จจะมียอดคำสั่งซื้อเข้ามาในช่วงครึ่งหลังของปี 64
*** โบรกฯส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"เนื่องจากมั่นใจว่า KCE พ้นจุดต่ำสุดแล้ว และกำลังจะฟื้นตัวแรงจากอุตสาหกรรมยานยนต์เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ นอกจากนี้ปี 64 ยังมีปัจจัยบวกอย่างการได้ลูกค้ารายใหญ่ในสหรัฐฯรออยู่
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม (บ.) |
เคทีบี |
ซื้อ |
32.50 |
ฟินันเซีย ไซรัส |
ซื้อ |
34.00 |
หยวนต้า |
ซื้อ |
34.85 |
เคจีไอ |
ซื้อ |
35.00 |
ราคาเฉลี่ย |
34.08 |
ต้องบอกว่าราคาหุ้น KCE ยังเหลืออัพไซด์จากราคาเฉลี่ยราว 15% และหากนักลงทุนมั่นใจว่าสิ่งที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า KCE กำลังจะฟื้นตัวแรงกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงครึ่งปีหลังนี้ว่าจะเกิดขึ้นจริง การเข้าลงทุนหุ้น KCE จังหวะนี้อาจยังทัน เพราะมีต้นทุนที่ยังไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย...
0 Response to "KCE เริ่มเห็นแววฟื้น...แต่จะไปได้ไกลแค่ไหน? - efinanceThai"
Post a Comment