Search

"องค์กรนักเรียนเลว": นักเรียนบุกกระทรวงศึกษาฯ เป่านกหวีดไล่ รมว. ณัฏฐพล อดีต กปปส. - บีบีซีไทย

nawasana.blogspot.com

นักเรียนชูสามนิ้วให้ตำรวจ

หลังจากแสดงออกทางการเมืองด้วยการชูสามนิ้วระหว่างเคารพธงชาติและผูกโบว์สีขาวเรียกร้องสิทธิเสรีภาพในโรงเรียนมาสามวัน วันนี้ (19 ส.ค.) นักเรียนนับร้อยคนที่รวมตัวกันในนาม "องค์กรนักเรียนเลว" พากันเดินขบวนไปที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และได้พบกับนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรี ศธ. ที่ลงทุนนั่งคุยกับตัวแทนนักเรียนบนพื้นบาทวิถีนานกว่า 1 ชั่วโมง

กลุ่มนักเรียนทั้งมัธยมต้นและมัธยมปลายเดินทางมารวมตัวที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการตั้งแต่เวลาประมาณ 16.00 น. ในกิจกรรมชื่อว่า "เลิกเรียนไปกระทรวง" เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ชูสามนิ้ว ผูกโบว์ขาว และเป่านกหวีดขับไล่นายณัฏฐพล

ผู้ร่วมชุมนุมเกือบทั้งหมดอยู่ในชุดนักเรียนโดยนำกระดาษกาวมาปิดชื่อและอักษรย่อของโรงเรียนที่ปักอยู่บนเครื่องแบบ นักเรียนหญิงพากันผูกโบว์สีขาวที่เขียนข้อความว่า "ให้มันจบที่รุ่นเรา" นักเรียนชายนำโบว์มาผูกไว้ที่กระเป๋านักเรียนหรือข้อมือ

ก่อนหน้านี้เยาวชนที่เป็นสมาชิกกลุ่ม "นักเรียนเลว" วัย 18 ปี บอกกับบีบีซีไทยว่ากิจกรรมในวันนี้จัดขึ้นเพื่อปกป้องสิทธิของเพื่อน ๆ ในสถานศึกษาต่าง ๆ หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีนักเรียนถูกข่มขู่คุกคามเกือบ 100 กรณี จากการจัดกิจกรรม "ชู 3 นิ้วขณะเคารพธงชาติ" ที่โรงเรียนของตนเองตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.

สำหรับสาเหตุที่เยาวชนเลือกนำ "นกหวีด" มาย้อนศรแสดงออกในเชิงไม่พอใจต่อท่าทีของนายณัฏฐพลนั้น เพราะเจ้ากระทรวงรายนี้เคยเป็นอดีตแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ซึ่งถูกเรียกขานว่า "ม็อบนกหวีด" มาก่อน

ขณะที่นายณัฏฐพลคือคนแนะนำให้ใช้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นฉากหลังในการจัดชุมนุม

"ใครเอ่ยเคยเป่านกหวีด เป่าปี๊ด เป่าปี๊ดไล่รัฐบาลก่อนหน้า"

นักเรียนที่เป็นผู้นำการชุมนุมสลับกันขึ้นมาปราศรัยหลายประเด็นตั้งแต่เรื่อง "เด็กไม่ควรยุ่งการเมือง" ไปจนถึงความเหลื่อมล้ำและคุณภาพของระบบการศึกษา พร้อมตั้งคำถามกับกฎระเบียบของโรงเรียนที่ละเมิดสิทธิในร่างกาย เช่น การแต่งกาย ทรงผม รวมไปการลิดรอนสิทธิของนักเรียนผู้มีความหลากหลายทางเพศ

"ถ้าพวกคุณบอกว่า เด็กไม่ควรยุ่งการเมือง งั้นทหารก็ไม่ควรไปนั่งในสภาเหมือนกัน" นักเรียนคนหนึ่งกล่าว "แม้ถูกคุกคาม แต่ขอให้สู้ต่อไป เพื่อการศึกษาที่ดีขึ้น เด็กทุกคนควรจะมีสิทธิมีเสียงในการเมือง"

นักเรียนชุมนุมที่หน้า ศธ.

นักเรียนผู้ปราศรัย ยังเรียกร้องให้ยุติการคุกคามเด็กนักเรียนที่แสดงออกทางการเมือง พวกเขาระบุว่า แม้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จะออกมาระบุว่าให้โรงเรียนเปิดพื้นที่ แต่ทว่ายังมีการคุกคามนักเรียนโดยครู และตำรวจในโรงเรียนหลายแห่ง โดยที่กระทรวง ศธ.นิ่งเฉยไม่มีการปกป้องนักเรียน

บางช่วง ผู้นำนักเรียนได้ชวนเพื่อน ๆ ร้องเพลง "ลามะลิลา" ที่มีการแต่งเนื้อเพลงวิพากษ์ระบบการศึกษา เสียดสีการเมือง รวมถึงรัฐมนตรี ศธ.

"ลามะลิลา ขึ้นต้นอะไรก็ได้แต่ตอนลงท้ายต้องเป็นสระอา...ใครเอ่ยเคยเป่านกหวีด ใครเอ่ยเคยเป่านกหวีด เป่าปี๊ด เป่าปี๊ดไล่รัฐบาลก่อนหน้า..." นักเรียนตะเบ็งเสียงร้องอย่างสนุกสนาน สลับกับการเรียกร้องให้นายณัฏฐพลออกมารับฟังปัญหาและข้อเสนอจากกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นระยะ ๆ

"ถึงท่านจะไม่เคยเห็นหัวเรา แต่เราอยากเห็นหน้าท่านนะคะ" นักเรียนหญิงคนหนึ่งกล่าวผ่านเครื่องขยายเสียง

จนกระทั่งเวลาประมาณ 16.50 น. นายณัฏฐพล รมว. ศธ. ได้เดินออกมาเพื่อพบกลุ่มนักเรียนที่ชุมนุมกันอยู่ โดยระหว่างเดินมายังที่ชุมนุม นักเรียนได้พากันเป่านกหวีด และร้องเพลง "สู้เข้าไปอย่าได้ถอย" ซึ่งเป็นเพลงหลักที่ใช้ในระหว่างการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ซึ่งนายณัฏฐพลเคยเป็นหนึ่งในแกนนำขับไล่รัฐบาลเมื่อปี 2556-2557

และเมื่อแกนนำนักเรียนเห็นนายณัฏฐพลมาถึง ก็ได้ตะโกนบอกให้เขา "ไปต่อท้ายแถว" ซึ่งนายณัฏฐพลก็เดินไปและนั่งคุยกับตัวแทนนักเรียนบนพื้นบาทวิถี

ว่าด้วยทรงผม เครื่องแบบ พฤติกรรมครู การชูสามนิ้ว และอื่นๆ

ขณะที่ผู้นำนักเรียนกลุ่มหนึ่งปราศรัยอยู่บนเวทีเล็ก ๆ โดยมีเสียงปรบมือ โห่ร้องและเป่านกหวีดของผู้ชุมนุมดังระงม อีกด้านหนึ่งของการชุมนุม ตัวแทนนักเรียนกลุ่มหนึ่งได้นั่งล้อมวงคุยกับ รมว. ศธ.

ตัวแทนนักเรียนผลัดกันบอกเล่าถึงปัญหาที่พบในระบบการศึกษาและในชีวิตการเป็นนักเรียน เช่น เรื่องการบังคับให้ตัดผมทรงนักเรียน การบังคับให้ใส่เครื่องแบบนักเรียนซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้ปกครองบางคนต้องแบกรับ เรื่องแบบเรียนและการสอนของครูบางคนที่ไม่มีคุณภาพ การคุกคามทางเพศนักเรียน และปัญหาที่เด็กนักเรียนทั้งสามัญและสายอาชีพจบมาแล้วไม่มีงานทำ

เรื่องที่นักเรียนและ รมว. ศธ. ใช้เวลาพูดคุยกันมากสุดคือการบังคับให้เด็ก ๆ ต้องไว้ผมทรงนักเรียน และเรื่องการถูกคุกคามหลังการชูสามนิ้วระหว่างเคารพธงชาติ

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว. ศธ. นั่งพูดคุยกับตัวแทนนักเรียนที่มาชุมนุม

สำหรับเรื่องการบังคับไว้ผมทรงนักเรียน การเรียกร้องของนักเรียนเป็นผลเมื่อนายณัฏฐพลรับปากว่าจะดำเนินการออกประกาศเลิกบังคับในเรื่องนี้ เพราะเขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับการที่โรงเรียนมาเคร่งครัดเรื่องทรงผม

"ผมไม่ได้มีปัญหาเรื่องทรงผม เรื่องทรงผม ผมไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่...อยากจะไว้ผมยาวก็ไม่มีปัญหาแต่ขอให้สุภาพและสะอาด" รมว. ศธ. บอกกับเด็ก ๆ

นักเรียนร้องเรียนกับ รมว. ศธ. ว่าเขาและเธอถูกจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก โดยเฉพาะเรื่องการชูสามนิ้วขณะเคารพธงชาติและการผูกโบว์สีขาว ที่หลายคนถูกครูต่อว่าด้วยคำหยาบคายหรือการมีตำรวจมาสังเกตการณ์ที่โรงเรียน

"ท่านคะ สรุปคือชูสามนิ้วได้หรือไม่คะ" นักเรียนหญิงคนหนึ่งถามด้วยเสียงหนักแน่น

"ไม่เป็นไรครับ ถ้าน้องอยากจะชู (สามนิ้ว) ก็ไม่มีปัญหา แต่ว่าเป็นไปได้มั้ย ถ้าจะรอให้ยืนตรงเคารพธงชาติเสร็จก่อน แล้วหลังจากนั้นก็เดินเข้าห้องไป ถ้าทำได้ก็จะดีที่สุด เพราะเรามองว่าเมื่อเพลงชาติขึ้น เราก็ยืนตรง เป็นการแสดงว่ารักชาติ มันเป็นสแตนดาร์ดของสากลน่ะครับ ทั่วโลกเวลาเพลงชาติขึ้น ทุกคนก็ยืนตรง" รัฐมนตรีต่อรอง

"แล้วทำไมเราต้องทำตามเขาล่ะคะ" นักเรียนอีกคนตั้งคำถาม

"ก็ไม่เป็นมีความจำเป็น ถ้าน้องไม่อยากทำก็ไม่มีใครว่าอะไร" นายณัฏฐพลตอบก่อนจะพยายามสรุปด้วยการบอกว่าเขาไม่ได้มีปัญหากับเรื่องนี้เพราะ "ตรงนี้ไม่ได้กระทบกับการพัฒนาการศึกษา ผมสนใจว่าเราจะร่วมมือกันยังไงเพื่อพัฒนาระบบการศึกษาให้ดีขึ้นได้ และพัฒนาประเทศไทยให้ดีขึ้นได้ ถ้าน้องคิดว่าการชูสามนิ้วในระหว่างเพลงชาติขึ้นแล้วทำให้ประเทศชาติดีขึ้น หรือคิดว่าการชุมนุมในช่วงนี้จะทำให้ประเทศดีขึ้นก็เป็นสิทธิที่น้องจะคิด"

นักเรียนชูป้ายประท้วง

หลังจากพูดคุยอยู่นานกว่า 1 ชั่วโมง นายณัฏฐพลได้เดินกลับเข้าไปในกระทรวง ทางด้านกลุ่มนักเรียนได้ประกาศสนับสนุนข้อเรียกร้อง 3 ข้อของคณะประชาชนปลดแอก ได้แก่ ยุบสภา ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และหยุดคุกคามประชาชน และบอกว่ามีอีก 1 ข้อเรียกร้องที่จะฝากถึง รมว. ศธ. โดยตรง แต่นายณัฏฐพลได้เดินกลับเข้าไปในกระทรวงเสียก่อน

ก่อนจะยุติการชุมนุม นักเรียนได้ปิดท้ายกิจกรรมด้วยกันพากันไปผูกโบว์สีขาวที่ประตูรั้วของกระทรวง

นักเรียนปิดท้ายกิจกรรมด้วยการผูกโบว์สีขาวที่ประตูกระทรวงศึกษาธิการ

นายกฯ บอกเด็ก ๆ คือ "พลังบริสุทธิ์"

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของนักเรียนนักศึกษาว่า อยากให้ทุกคนมองว่าเด็กๆ คือพลังที่บริสุทธิ์ อาจจะมีส่วนหนึ่งที่ไม่เข้าใจ ส่วนหนึ่งอาจจะถูกชักนำ ฉะนั้น ขอให้ทุกคนมองถึงอนาคตเด็ก ๆ

"ผมเห็นหัวข้อเรียกร้องมีมากขึ้นเรื่อย ๆ หลายข้อซึ่งมีความเป็นไปไม่ได้ แต่อาจจะทำให้เด็กมีความคาดหวัง หลายเรื่อง และผมเห็นหลายสิบข้อที่ตามมา ยกเลิกการไหว้ครู ไม่ต้องเคารพครู พ่อแม่ก็ไม่ต้องเคารพ ผมถามว่าถ้าไม่ใช่ผมแล้วเป็นคนอื่นที่เข้ามา สิ่งที่มันเกิดขึ้นในลักษณะเช่นนี้ ในสถานการณ์แบบนี้ จะมีใครแก้ปัญหานี้ได้ต่อไป นั่นหมายความว่าประเทศเราก็ล่มสลาย แกนนำ หลักการต่างๆ ของประเทศชาติทั้งหมด ล้มไปทั้งหมด สถาบันครอบครัวล้ม สถาบันการศึกษา ครู ล้มหมด นี่หรือคืออนาคต"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เด็กผูกโบว์สีขาว

"ถ้ามีคนที่เจตนาไม่บริสุทธิ์ต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้น ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ถามว่ากฎหมาย เจ้าหน้าที่เขาจะทำอย่างไร เมื่อถึงเวลานั้น เด็กพวกนี้จะเป็นกันชนให้กับเขาหรือเปล่า นั่นคืออันตรายที่จะเกิดกับเด็ก ขอให้ทุกคนได้สำนึกเรื่องเหล่านี้ไว้ด้วย และรัฐบาลไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาอยู่แล้ว จะเห็นว่าเราดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ เราไม่มีการห้ามการชุมนุม แต่ขอให้ชุมนุมโดยสันติ คำว่าสันติไม่ใช่เฉพาะแต่ในเรื่องการใช้อาวุธ หรือไม่ใช้อาวุธ ใช้ความรุนแรง การกล่าวด้วยความอาฆาตมาดร้าย ด่าหยาบคาย เหล่านี้คิดว่าไม่เคยเกิดในสังคมไทย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ วิเคราะห์ว่าเหตุหนึ่งที่ทำให้เยาวชนออกมาเคลื่อนไหวเพราะโลกเราเปลี่ยนแปลงไปเยอะ พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูก เพราะจะต้องไปสู้ในเรื่องของเศรษฐกิจ ความใกล้ชิดจึงห่างไป อาจจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างวัย ช่องว่างระหว่างผู้ปกครองกับเด็ก

หลังการพบปะพูดคุยกัน นายณัฏฐพล ได้โพสต์ข้อความบนบัญชีเฟซบุ๊ก กล่าวชื่นชมกลุ่มเด็กนักเรียน

เฟซบุ๊กนายณัฏฐพล

Let's block ads! (Why?)



"ไปได้ด้วยดี" - Google News
August 19, 2020 at 07:48PM
https://ift.tt/2CEbVkm

"องค์กรนักเรียนเลว": นักเรียนบุกกระทรวงศึกษาฯ เป่านกหวีดไล่ รมว. ณัฏฐพล อดีต กปปส. - บีบีซีไทย
"ไปได้ด้วยดี" - Google News
https://ift.tt/2U2qx2u


Bagikan Berita Ini

0 Response to ""องค์กรนักเรียนเลว": นักเรียนบุกกระทรวงศึกษาฯ เป่านกหวีดไล่ รมว. ณัฏฐพล อดีต กปปส. - บีบีซีไทย"

Post a Comment

Powered by Blogger.