SPRC พลิกกลับมารายงานกำไรสุทธิ 1.1 พันลบ. ในช่วง Q2/63 หลังขาดทุนหนัก 8.3 พันลบ. เมื่อ Q1/63 จนนักวิเคราะห์หลายสำนักยังออกปากชมว่าทำผลงานได้ดีที่สุดในกลุ่ม แต่ในช่วงครึ่งปีหลัง สถานการณ์อาจไม่ดีอย่างที่คิดไว้ และผลงานน่าจะผ่านจุดที่ดีที่สุดของปีไปแล้ว เช่นนี้แล้ว SPRC ยังเป็นหุ้นน่าสนใจอยู่หรือไม่?...ต้องติดตาม!
*** ราคาหุ้นปิดบวกมากกว่ากลุ่ม
ราคาหุ้น บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC วานนี้ (26 ส.ค.63) กระโดดขึ้นไปทำจุดสูงสุดของวันที่ราคา 6.95 บาท ก่อนปิดซื้อขายด้วยราคา 6.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท หรือ 2.22% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 346.49% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
นอกจากนี้ SPRC ยังปิดซื้อขายราคาบวกแรงกว่าหุ้นในกลุ่มเดียวกันอย่าง บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ที่ปิดซื้อขายด้วยราคา 43 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.58% และ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ที่ปิดซื้อขายด้วยราคา 2.44 บาท เท่ากับราคาเปิดช่วงเช้าวานนี้
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง ระบุถึงสาเหตุที่ราคาหุ้น SPRC วานนี้ปรับตัวขึ้นแรงกว่ากลุ่ม เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ หันมาเล่นหุ้นที่ราคายังอยู่ในระดับต่ำ ที่สามารถแรลลี่ราคาขึ้นไปได้ ซึ่ง SPRC คือหนึ่งในนั้น โดยปัจจัยดังกล่าว เป็นปัจจัยบวกระยะสั้นเท่านั้น
*** โค้งสองผลงานเด่นกว่าคู่แข่ง
บล.ทิสโก้ ระบุว่า ในช่วงไตรมาส 2/63 SPRC รายงานกำไรสุทธิ 1.1 พันล้านบาท พลิกจากขาดทุน 8.3 พันล้านบาท ในไตรมาส 1/63 สาเหตุหลัก เป็นเพราะกำไรจากสต็อกน้ำมันเป็นสำคัญ และ SPRC ยังมีผลขาดทุนจากรายการพิเศษเพียง 41 ล้านบาท จากการ SWAP ค่าเงิน แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ ผลประกอบการจะอยู่ที่ 255 ล้านบาท
ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุเพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 ของ SPRC โดดเด่นกว่าคู่แข่ง เนื่องจากมีน้ำมันดิบจำนวนมากทำให้สามารถเพิ่มมูลค่าจากการแปรรูปน้ำมันดิบ light crude มากขึ้น และยังเพิ่มสัดส่วนน้ำมันดิบ ME ขึ้นเป็น 82% (เดิม 14%) ขณะที่ ส่วนผสมน้ำมันดิบ ME ของ TOP และ IRPC อยู่ที่ 56% และ 72% ตามลำดับ ซึ่งทำให้ค่าการกลั่นของ SPRC อยู่ที่ 4.65 เหรียญ/บาร์เรล สูงสุดในบรรดาคู่แข่ง
นอกจากนี้ SPRC ยังรักษายอดขายในประเทศไว้ที่ 81% เทียบกับคู่แข่งในกลุ่มที่อยู่ในระดับ 75% เนื่องจากผลตอบแทนจากน้ำมันเครื่องบินที่ลดลง ในทางตรงกันข้าม TOP ส่งออกน้ำมันเครื่องบินไปยังประเทศสิงคโปร์เพิ่มขึ้น (กำไรต่ำกว่า) โดย SPRC ยังสามารถลดอัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ลงเหลือ 0.3 เท่า (เดิม 0.5 เท่า) ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดในกลุ่มอีกด้วย
*** แต่ครึ่งปีหลังอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด
แม้ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 จะโดดเด่นสุดในกลุ่ม และมีพัฒนาการจากไตรมาส 1/63 เป็นอย่างมาก แต่ บล.ทิสโก้ ประเมินว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/63 ของ SPRC จะอ่อนแอลงจากช่วงไตรมาส 2/63 เนื่องจากส่วนลดของราคาน้ำมันดิบที่ลดลง และกลับมาเป็นราคาพรีเมี่ยมเฉลี่ย 6.4 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อเที่ยบตั้งแต่ต้นไตรมาส 3/63 ถึงปัจจุบัน ขณะที่อัตรากำไรยังอ่อนแอจากค่าการกลั่นที่ประเทศสิงคโปร์ยังเป็นลบ
สอดคล้องกับ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่ระบุว่า ช่วงครึ่งปีหลัง กำไรจากการดำเนินงานของ SPRC ยังมีแนวโน้มอ่อนแอลงจากไตรมาส 2/63 เนื่องจากต้นทุนน้ำมันดิบที่สูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางซึ่งมีสัดส่วน 70 - 75% ของกระบวนการผลิตทั้งหมด
โดยอ้างอิงน้ำมันดิบ Arab light ของประเทศซาอุดิอาระเบีย ที่มีส่วนลด 5.4 เหรียญ/บาร์เรล ในช่วงไตรมาส 2/63 แต่ในช่วงไตรมาส 3/63 ส่วนลดดังกล่าวจะเหลือเพียง 0.8 เหรียญ/บาร์เรล นอกจากนี้ Upside ของ Crack spread จากการฟื้นตัวจากอุปสงค์หลังการเปิดเมือง จะถูกจำกัดจากปริมาณสต็อกน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง และจะไม่มีการกลับรายการปรับมูลค่าสินค้าคงคลัง (NRV) เหมือนในช่วงไตรมาส 2/63
เช่นเดียวกับ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ที่มองว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง SPRC ไม่น่าจะเพิ่มอัตรากำลังการผลิตขึ้นได้แล้ว เว้นแต่จะมีการฟื้นตัวของน้ำมันเครื่องบินมาช่วยหนุน ซึ่งตั้งแต่เดือน ก.ค. ที่ผ่านมา SPRC ได้ลดการผลิตน้ำมันเครื่องบินเป็น 0% แต่หันมาเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันดีเซล และเบนซิน เป็น 50% และ 32% ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการน้ำมันเบนซิน และดีเซลกลับสู่ภาวะปกติก่อนการแพ่ระบาดโควิด-19 แล้ว
อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของราคาน้ำมันเบนซินยังคงมีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบสอง (การฟื้นตัวสะดุดในช่วงกลางเดือน มิ.ย. จาก 6 เหรียญ/บาร์เรล เป็น 3 เหรียญ/บาร์เรล) ขณะที่สเปรดน้ำมันดีเซล ยังคงแผ่วลงตามความต้องการน้ำมันเครื่องบินที่อยู่ในระดับต่ำ
*** โบรกฯ มองทั้งปีเสี่ยงขาดทุนสูง
บล.บัวหลวง ระบุว่า จากผลประกอบการครึ่งปีแรกของ SPRC ที่ขาดทุนหนักราว 7.1 พันล้านบาท ส่งผลให้ SPRC จะเร่งดำเนินโครงการลดค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไรขึ้นในช่วงที่เหลือของปี
นอกจากนี้ SPRC ยังได้ติดตามเงินที่ถูกโอนไปยังบัญชีที่ไม่ถูกต้องประมาณ 2.8 พันล้านบาท เมื่อปลายปี 62 เนื่องจากถูกแฮ็กข้อมูลธุรกรรมทางอีเมล์ ซึ่งคาดว่าจะได้เงินคืนประมาณ 188 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลังนี้
ขณะที่ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่า แม้ SPRC จะสามารถติดตามเงินที่ถูกแฮ็กคืนมาได้ในบางส่วน แต่จากผลขาดทุนครึ่งปีแรกกว่า 7.1 พันล้านบาท ประกอบกับผลการดำเนินครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะอ่อนแอลง ทำให้ประเมินว่าผลประกอบการปี 63 ของ SPRC จะรายงานขาดทุนสุทธิ 4.9 พันล้านบาท ลดลง 76% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
*** โบรกฯ ส่วนใหญ่แนะนำ"ถือ"
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำเพียงแค่"ถือ"เท่านั้น แม้ว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 ของ SPRC จะมีพัฒนาการที่ดีมาก แต่นักวิเคราะห์ประเมินว่าในช่วงครึ่งปีหลัง SPRC ยังคงเหนื่อย เนื่องจากต้นทุนโรงกลั่นอยู่ในระดับสูง
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม (บ.) |
ยูโอบี เคย์เฮียน |
ขาย |
6.20 |
ทิสโก้ |
ถือ |
6.70 |
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง |
ถือ |
7.00 |
บัวหลวง |
ซื้อเก็งกำไร |
7.80 |
ราคาเฉลี่ย |
6.92 |
ต้องยอมรับว่าการเข้าลงทุนหุ้น SPRC ช่วงนี้ อาจยังไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสมนัก เนื่องจากราคาหุ้นแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบร่วม 3 เดือนแล้ว แม้แต่ช่วงรายงานงบไตรมาส 2/63 พลิกกลับมีกำไร ยังไม่สามารถผลักดันราคาหุ้นขึ้นไปได้ และเมื่อพิจารณาถึงปัจจัยบวกข้างหน้า พบว่ายังไม่มีปัจจัยใดที่จะเข้ามาหนุนราคาหุ้น SPRC พุ่งได้เลย ดังนั้นนักลงทุนที่เข้าเก็งกำไรช่วงนี้อาจต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
0 Response to "SPRC พุ่งแรงกว่ากลุ่ม..แต่ระยะสั้นยังไม่มีอะไรให้ลุ้น! - efinanceThai"
Post a Comment